แบล็คแจ็ค เกมพนันที่มีประวัติความเป็นนานนับทศวรรษ

ประวัติความเป็นมาของเกมแบล็คแจ็ค มีต้นกำเนิดขึ้นครั้งแรกช่วงศตวรรษที่17ในทวีปยุโรปเกมแบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ที่ต้องใช้ผู้เล่นหลายคนจึงช่วยสร้างความสนุกสนานได้ดี

ประวัติความเป็นมาของเกมแบล็คแจ็ค


 

 ( ประวัติความเป็นมาของเกมแบล็คแจ็ค ) หากจะว่าไปปัจจุบันนี้มีเกมพนันออนไลน์ผุดขึ้นมาเชิญชวนให้นักพนันเข้าไปทดสอบฝีมือในคาสิโนออนไลน์อยู่มากมาย ส่วนมากจะเป็นเกมพนันที่เพิ่งเริ่มเล่นกันมาได้ไม่นาน จะมีก็แต่เกมแบล็คแจ็คที่เล่นกันมาตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน นับได้ว่าเป็นเกมที่ประวัติความเป็นมาน่าสนใจไม่ใช่น้อย ฉะนั้นหากนักพนันท่านใดที่สนใจ วันนี้เราก็มีกฎกติกาการเล่น รวมทั้งอัตราการจ่ายอย่างละเอียด มาให้คุณใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเข้าไปลองเล่นกันดู ถ้าพร้อมแล้วตามมากันเลย

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อ ป๊อกเด้ง เล่นอย่างไร ถึงได้เป็นเกมไพ่ยอดนิยมทุกยุคทุกสมัย

blackjack เล่นยังไง

ประวัติความเป็นมาของเกมแบล็คแจ็ค

เกมแบล็คแจ็ค (Blackjack) มีต้นกำเนิดขึ้นครั้งแรกช่วงศตวรรษที่ 17 (ประมาณปี ค.ศ.1601) ในทวีปยุโรป ด้วยเกมแบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ที่เล่นง่าย ไม่มีความซับซ้อน และยังต้องใช้ผู้เล่นหลายคน จึงช่วยสร้างความสนุกสนาน ผ่อนคลายได้ดี ส่วนกติกาของเกมก็เพียงแค่รวมแต้มไพ่ที่อยู่ในมือ ให้ได้ใกล้เคียงหรือมีค่าเท่ากับแต้มสูงสุด คือ 21 แต้ม และที่สำคัญจะต้องมีแต้มเยอะกว่าเจ้ามือ ผู้เล่นก็จะเป็นฝ่ายชนะ พร้อมรับเงินรางวัลไปในทันที

และด้วยความที่เกมแบล็คแจ็คได้รับความนิยมจากนักพนันมากไม่แพ้เกมพนันอื่น ๆ จึงทำให้คาสิโนออนไลน์ได้นำเอาเกมไพ่แบล็คแจ็คเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งให้นักพนันได้เลือกเดิมพัน เท่ากับช่วยให้พวกเราทุกคนที่สนใจสามารถเข้าถึงเกมไพ่แบล็คแจ็คได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อ น้ำเต้าปูปลา เกมพนันยอดฮิตจากอดีตถึงปัจจุบัน

อัตราการจ่าย กฎกติกา และการเล่นเกมไพ่แบล็คแจ็ค

กฎกติกาของเกมไพ่แบล็คแจ็คขั้นพื้นฐาน มีอยู่ด้วยกัน 7 ข้อ คือ

1.วัตถุประสงค์หลักของเกมไพ่แบล็คแจ็ค คือ ผู้เล่นต้องรวมแต้มไพ่ในมือให้ได้แต้มใกล้เคียงกับ 21 แต้มมากที่สุด ในทางกลับกันก็ต้องไม่เกิน 21 แต้ม แม้เกินเพียงแค่ 1 แต้มก็ไม่ได้

2.หน้าไพ่แบล็คแจ็คที่เป็น A (เอช) จะมีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 แต้มก็ได้ขึ้นอยู่กับว่ารวมกับไพ่ชนิดไหน เช่น เมื่อไพ่ A อยู่รวมกับไพ่ตัวเลขก็จะมีค่า = 1 และถ้าไพ่ A อยู่รวมกับไพ่ K, Q, J ก็จะมีค่า = 11 นั่นเอง

3.และหน้าไพ่ที่มีรูปภาพเป็น K, Q, J แต้มของไพ่ก็จะมีค่าเท่ากับ 10

4.ส่วนไพ่หน้าอื่น ๆ ก็จะมีแต้มเท่ากับหมายเลขที่อยู่หน้าไพ่นั้น ๆ

ไพ่แบล็คแจ็คประวัติยาวนาน

5.สำหรับไพ่ 2 ใบแรกที่มีผลรวมของไพ่ A และไพ่ที่มี 10 แต้ม เมื่อนำมารวมกัน = 21 แต้ม จะเรียกว่าแบล็คแจ็ค ซึ่งมีอัตราการจ่ายอยู่ 1.5 เท่าของเงินที่วางเดิมพัน

6.หากว่าผลรวมของไพ่ผู้เล่น (เพลเยอร์) มีแต้มใกล้เคียงกับ 21 มากกว่าไพ่ของเจ้ามือ (ดีลเลอร์) ก็ให้ถือว่าผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ แต่ทว่าไพ่ของผู้เล่นมีแต้มมากกว่า 21 ก็จะแพ้ในทันที

7.เมื่อไพ่ของผู้เล่น และ เจ้ามือ มีแต้มไพ่เท่ากันในช่วงระหว่าง 17 – 21 ให้ถือว่าไม่มีฝ่ายไหนชนะ หรือที่เรียกกันว่า “เสมอ” ผู้เล่นก็จะไม่ได้รับเงินรางวัล ได้แต่เงินเดิมพันกลับคืนมาทั้งหมดเท่านั้นเอง

ไพ่แบล็คแจ็คมีวิธีเล่นยังไง

  1. ก่อนที่จะเริ่มเล่นทางคาสิโนจะมีนาฬิกาจับเวลาให้กับผู้เล่นวางเงินเดิมพัน เพื่อให้เวลากับผู้เล่นสามารถที่จะเลือกได้ว่าต้องการเดิมพันตรงตำแหน่งไหน หรือถ้าเลือกตำแหน่งไม่ได้ก็วางเดิมพันลงไปทุกตำแหน่งได้เช่นกัน
  2. เมื่อผู้เล่นเลือกและวางเดิมพันครบแล้ว ดีลเลอร์ก็จะเริ่มดำเนินการแจกไพ่ โดยผู้เล่นจะได้รับไพ่แจกคนละ 2 ใบ แบบคว่ำหน้า แต่ในส่วนไพ่ของดีลเลอร์จะถูกเปิดไพ่หงายไว้ 1 ใบ ส่วนอีก 1 ใบจะถูกปิดไว้ก่อน

เกมไพ่blackjack

  1. หลังจากที่ผู้เล่นเห็นไพ่ที่ได้รับแจกแล้ว ก็สามารถที่จะเรียกของไพ่เพิ่มได้ แต่จะเริ่มแจกตำแหน่งแรกทางขวามือก่อน และเลือกเพิ่มได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลรวมแต้มที่พอใจ คือ ต้องให้แต้มใกล้เคียงกับ 21 มากที่สุด ซึ่งคำสั่งในการเรียกไพ่เพิ่ม = Hit , ถ้าต้องการพอ = Stand , เพิ่มเงิน = Double และ ประกัน = Insurance
  2. กรณีที่คุณเลือกเพิ่มเงิน (Double) เงินคงเหลือของเราก็จะถูกดึงออกมา เพื่อเพิ่มเงินเดิมพันให้เป็น 2 เท่า
  3. ระหว่างที่เล่นอยู่ระบบจะจับเวลาตอนที่คุณเรียกไพ่ ซึ่งในช่วงนั้นคุณจะต้องเลือกว่าต้องการจะ “เรียกไพ่เพิ่ม” หรือจะ “อยู่” หากว่าคุณนิ่งเฉยไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกอะไร ระบบก็จะถือว่าคุณ “อยู่” อัตโนมัติในทันที
  4. ถ้าผู้เล่นทุกคนที่อยู่บนโต๊ะ ได้เรียกไพ่เพิ่มแล้วแต้มออกมาเกิน 21 แต้ม ในขณะที่เจ้ามือมีแต้มอยู่ 17 แต้มขึ้นไป เจ้ามือก็จะสามารถเปิดไพ่ใบที่ 2 พร้อมกับขอวัดแต้มกับผู้เล่นได้เลยโดยไม่ต้องเรียกไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม แต่ถ้ากรณีที่ไพ่ทั้งสองใบของเจ้ามือมีแต้มรวมกันน้อยกว่า 17 แต้ม เจ้ามือก็จะทำการเรียกไพ่เพิ่มเพื่อให้ได้แต้มใกล้เคียงกับ 21 แต้ม ในการวัดไพ่กับผู้เล่น

อัตราการจ่ายของเกมไพ่แบล็คแจ็ค

แต่ละคาสิโนออนไลน์ก็จะมีอัตราการจ่ายไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วอัตราการจ่ายจะอยู่ ดังนี้

-ผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ             อัตราจ่ายจะอยู่ที่          1 : 1

-Insurance                          อัตราจ่ายจะอยู่ที่          2 : 1

-Blackjack (ผู้เล่นชนะด้วยไพ่ 2 ใบแต้ม 21) อัตราจ่ายจะอยู่ที่        3 : 1

แบล็คแจ็คประวัติ

-ไพ่หมอบ / แยกไพ่  อัตราจ่ายจะอยู่ที่    ได้เงินเดิมพันคืน 100%

-คู่ผสม                              อัตราจ่ายจะอยู่ที่             6 : 1

-คู่สี                                   อัตราจ่ายจะอยู่ที่             12 : 1

-คู่เพอร์เฟค                      อัตราจ่ายจะอยู่ที่             25 : 1

เป็นอย่างไรกันบ้างกับรายละเอียดของเกมไพ่แบล็คแจ็คทั้ง ประวัติ กฎ กติกา วิธีเล่นเกม ที่เราได้รวบรวมมาให้ชนิดที่ว่าละเอียดยิบเลยทีเดียว ถึงใครที่ไม่เคยเล่นเกมไพ่แบล็คแจ็คมาก่อน ก็สามารถเล่นตามได้อย่างง่าย ๆ เพราะเกมไม่ต้องใช้เทคนิค คิดวิเคราะห์มากเท่ากับเกมไพ่อื่น ๆ ฉะนั้นหวังว่าคงมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจเกมไพ่แบล็คแจ็ค ได้ลองเข้าไปเล่นได้ที่คาสิโนออนไลน์ที่มีเปิดให้เล่นอยู่มากมาย และขอให้สนุกกับเกมพร้อมกับได้กำไรคืนมาอย่างงามด้วยล่ะ

บทความอื่นๆ

แชร์บทความของเรา

Facebook
Twitter
Pinterest

เว็บไซต์แนะนำ

♣   LOTTOVIP.LINK

♣   1000LOTTO.LINK

♣   MAWINBET

♣   HUAY.COM

♣   LOT9999

♣   JETSADABET.COM

♣   MARKET-LOTTO9

♣   LOTTO 8 GOLD.COM

♣   999LUCKY.COM

♣   SIAMLOTTO.NET

♣  SAGAME

♣   FIFAGOALCLUB

♣  Ufaweb

♣  W88

♣  M88

♣  188bet

♣  Letou

♣  Alpha88

♣  RB88

♣  HappyLuke

♣    SAGAME.LINK

♣    FIFAGOALCLUB CASINO

♣    FUN88

♣    UFAWEB CASINO

♣    GOLDENSLOT

♣    HAPPYLUKE

♣    DAFABET

♣   ROYAL1688

♣    G CLUB คาสิโนออนไลน์

♣   M88

⊗   FIFAGOALCLUB.COM

⊗   UFAWEB.LINK

⊗   FUN88.CASH

⊗   TSOVER

⊗   W88TH.COM

⊗   M88TH.COM

⊗   VEGUS24HR.COM

⊗   DATABET88.COM

⊗   SBOBET.CA

⊗   MAXBET.CO