แบล็คแจ็ค เกมไพ่ของคนยุคใหม่ เล่นอย่างไรที่นี่มีคำตอบ

เกมไพ่แบล็คแจ็คเป็นเกมที่มีขั้นตอนในการเล่นง่ายๆไม่ซับซ้อน ซึ่งวันนี้เราจะมาสอน แบล็คแจ็ค เล่นอย่างไร ให้กับใครที่กำลังสนใจจะเล่นกันครับ

แบล็คแจ็ค เล่นอย่างไร ที่นี่มีคำตอบ


( แบล็คแจ็ค เล่นอย่างไร ที่นี่มีคำตอบ ) เกมไพ่แบล็คแจ็คอาจจะเป็นเกมไพ่ที่ใหม่สำหรับนักพนันบางคน ในขณะเดียวกันก็มีนักพนันอีกจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและให้ความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเกมที่เล่นแล้วสร้างความสนุกสนาน แถมมีขั้นตอนการเล่นง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่สนใจอยากเล่น และอยากรู้รายละเอียดการเล่นให้มากขึ้น วันนี้เราจะพาคุณไปศึกษาให้เข้าใจจนสามารถเล่นได้ไม่แพ้มืออาชีพเลยทีเดียว

คุณอาจสนใจอยากรู้ว่าแบล็คแจ็คเริ่มเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ลองอ่านบทความนี้  แบล็คแจ็ค เกมพนันที่มีประวัติความเป็นนานนับทศวรรษ

เล่นไพ่แบล็คแจ็ค

กติกา การเล่นแบล็คแจ็คมีอะไรบ้าง

เกมไพ่แบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ประเภทหนึ่งที่มีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างจากเกมไพ่อื่น ๆ ที่ผู้เล่นต้องแข่งกันเอง หรือว่าผู้เล่นแข่งกับเจ้ามือ แต่สำหรับเกมแบล็คแจ็คจะมีลักษณะการเล่นโดยให้สมาชิกที่เป็นผู้เล่นในวงทุกคนนับแต้มไพ่แข่งกับเจ้ามือ ซึ่งหากฝั่งใดได้ไพ่ที่มีแต้มใกล้เคียง หรือเท่ากับ 21 แต้ม ก็จะเป็นฝ่ายชนะในเกมทันที แต่ถ้าแต้มไพ่ออกมาเกิน 21 แต้มก็จะเท่ากับว่าเป็นฝั่งแพ้เช่นกัน

ศัพท์ที่ควรรู้ในเกมไพ่แบล็คแจ็ค

โดยปกติแล้วเกมไพ่ทุกชนิดมักจะมีคำศัพท์เรียกเฉพาะสัญลักษณ์ของเกม เหมือนกับเกมไพ่แบล็คแจ็คที่จะมีคำศัพท์ในการเล่นไพ่เฉพาะเช่นเดียวกัน ส่วนจะมีอะไรบ้าง รวมทั้งคำศัพท์แต่ละคำต้องนำมาใช้ตอนไหนเมื่อไหร่ ลองมาดูกัน

– แบล็คแจ็ค (Blackjack) : จะเป็นการนำไพ่สองใบแรกมารวมกันแล้วได้ 21 แต้มทันที

– Hit : คือการที่ผู้เล่นเรียกไพ่เพิ่ม เพื่อให้ได้แต้มใกล้เคียง หรือเท่ากับ 21 แต้มได้มากที่สุด (เรียกได้กี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งจนกว่าจะได้)

– Stand : หรือบางครั้งอาจจะเรียกว่า Stay, Stick, Stand pat หมายความว่าผู้เล่นพึงพอใจแล้วกับไพ่ที่ได้รับแจกมา

– Double down : เป็นการที่ผู้เล่นลงเงินเดิมพันเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่า แต่มีเงื่อนไขว่าจะเรียกไพ่เพิ่มได้เพียง 1 ใบ ห้ามเรียกเพิ่ม (ในกรณีนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อตอนที่ได้รับไพ่ 2 ใบแรกเท่านั้น) ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณได้รับไพ่แจก 2 ใบแรก นับแต้มรวมเท่ากับ 11 แต้ม อาทิ ได้ไพ่เลข 5,6 ซึ่งในตอนนี้ถ้าคุณต้องการเสี่ยงก็สามารถวางเงินเดิมพันเพิ่มขึ้นไปเป็นสองเท่า โดยจะต้องวางเงินเดิมพันลงทับเส้นกรอบสี่เหลี่ยม หลังจากวางเดิมพันแล้วก็เรียกไพ่เพิ่มได้อีกเพียง 1 ใบ ก็จะเท่ากับว่าเป็นใบที่ 3 เพื่อให้คุณได้ลุ้นว่าแต้มไพ่จะออกมาเป็น 10 แต้ม เพราะหากออกมาเป็น 10 แต้ม เมื่อนำไปรวมกับ 11 แต้มที่ได้ตอนแรก ก็จะเท่ากับ 21 แต้ม ซึ่งคุณก็จะกลายเป็นฝ่ายชนะทันที

แบล็คแจ็คเล่นอย่างไร

– Split : (ใช้ได้ก็ต่อเมื่อได้ไพ่ 2 ใบแรกเท่านั้น) สำหรับกรณีนี้ถ้าคุณได้ไพ่คู่ เช่น ไพ่เลข 5 สองใบ เจ้ามือก็จะร้องถามว่าต้องการที่จะ Split (แยกไพ่) ไหม หากว่าคุณตกลง คุณก็จะได้สิทธิในการแยกไพ่ 5 แต้มทั้งสองใบ ออกเป็น 2 ชุด หลังจากนั้นก็ให้คุณทำการเรียกไพ่เพิ่มได้ตามปกติ ซึ่งไพ่ทั้งสองชุดนี้คุณสามารถนำไปใช้เดิมพันกับเจ้ามือได้เลยเช่นกัน

– Surrender : (ใช้ได้ต่อเมื่อได้ไพ่ 2 ใบแรกเท่านั้น) คือ ระหว่างเล่นอยู่ในเกมผู้เล่นสามารถขอยอมแพ้ได้ แต่จะได้รับเงินพนันคืนกลับมาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

– Insurance : (ใช้ได้ต่อเมื่อได้ไพ่ 2 ใบแรกเท่านั้น) คือ ถ้าไพ่ใบแรกของเจ้ามือได้แต้มเป็น A เจ้ามือก็จะถามผู้เล่นว่าทำ Insurance ไหม ซึ่งหากผู้เล่นคนไหนเลือกทำก็จะมีเงื่อนไขให้เพิ่มเงินเดิมพันลงไปอีกครึ่งของจำนวนเงินที่เดิมพันลงไปตอนแรก (อาทิ ตอนต้นวางเงินเดิมพันไปแล้ว 1,000 บาท จำนวนเงิน Insurance ก็จะเท่ากับ 500 บาท) เพราะโอกาสที่เจ้ามือจะชนะได้ไพ่ A มีสูงมาก ผู้เล่นบางคนจึงต้องการวางเดิมพันกันเสี่ยงไว้ก่อน

  • กรณีที่เจ้ามือได้ไพ่แบล็คแจ็ค ผู้เล่นก็จะได้เงินเดิมพันในส่วนที่ทำ Insurance คืนกลับไป รวมทั้งจะได้รับเงินเดิมพันคืนอีกด้วย เท่ากับเงินที่ได้ทั้งหมดจะอยู่ที่ 1,500 บาท
  • แต่ถ้าเป็นกรณีเจ้ามือดันแพ้ ผู้เล่นก็จะโดนริบเงินที่ทำ Insurance ไปด้วยเหมือกัน

การที่มีเงื่อนไข Insurance ขึ้นมาก็เพื่อที่จะช่วยประกันความเสี่ยงให้กับผู้เล่น ในกรณีที่เจ้ามือได้แต้ม 21 หรือแบล็คแจ็คนั่นเอง

เกมไพ่แบล็คแจ็คเล่นอย่างไร

ไพ่แต่ละใบจะมีแต้ม คือ

– A ทุกสี จะถูกนับเป็นแต้ม 11 หรือจะนับเป็นแต้ม 1 ก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้น

– ตัวอักษรภาษาอังกฤษ J, Q, K ทุกสี ให้นับแต้มเท่ากับ 10

– ไพ่เลข 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ทุกสี การนับแต้มก็ให้นับตามตัวเลขได้เลย

ยกตัวอย่างเช่น

  • กรณีที่ได้ไพ่ A รวมกับไพ่ใบใดใบหนึ่ง ที่อยู่ในกลุ่มไพ่ฝรั่ง J, Q, K เช่น A ดอกจิก กับ J ดอกจิก การนับแต้มก็เท่ากับ แต้ม 11 เพราะไพ่ A ดอกจิกจะมีค่าเท่ากับ 1
  • แต่ถ้าไพ่ A ไปอยู่รวมกับไพ่ใบใดใบหนึ่งของไพ่กลุ่มตัวเลข 2-9 เช่น 2 หัวใจ, A หัวใจ, 3 หัวใจ กรณีนี้ไพ่ A หัวใจก็จะมีค่าแค่ 1 แต้มเท่านั้น

สำหรับบางคนที่ชอบเล่นไพ่เก้าเก แต่นับแต้มไม่เป็น คุณอาจเรียนรู้จากบทความนี้ คลิกอ่าน สอนกฎ กติกา การนับแต้มไพ่ เก้าเก อย่างละเอียดที่นี้ ที่เดียว

วิธีการแจกไพ่

ส่วนวิธีการแจกไพ่จะมีขั้นตอนการแจก ดังนี้

1. เจ้ามือจะเริ่มทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นคนละ 1 ใบก่อน แล้วถึงจะแจกให้กับตนเอง จากนั้นเจ้ามือก็จะเริ่มแจกไพ่ใบที่ 2 ให้อีกคนละ 1 ใบ เท่ากับว่าผู้เล่นจะมีไพ่ในมือคนละ 2 ใบ (การแจกเจ้ามือจะคว่ำไพ่ให้กับผู้เล่นเสมอ)

2. เมื่อได้รับไพ่แจกครบแล้ว ผู้เล่นจะทำการหงายไพ่เพื่อดูว่าแต้มไพ่ทั้ง 2 ใบนี้เมื่อรวมกันแล้วจะได้แต้มถึง 21 แต้มหรือไม่ หากยังไม่ถึงก็สามารถขอไพ่เพิ่มจากเจ้ามือได้ไม่จำกัดจำนวน แต่ถ้าไพ่เกิน 21 คะแนน ผู้เล่นก็จะถูกปรับแพ้ในทันทีเช่นกัน (การเรียกไพ่จะเรียกได้ทีละคนตามลำดับการแจก ซึ่งเจ้ามือจะเรียกไพ่ได้เป็นคนสุดท้ายต่อจากผู้เล่น)

3. กติกาของแบล็คแจ็ค เจ้ามือจะสามารถเรียกไพ่อย่างต่ำได้ 17 แต้ม หากผู้เล่นได้แต้มตั้งแต่ 16 ลงมาก็ถือว่าแพ้ให้กับเจ้ามือ แต่หากเจ้ามือเปิดไพ่หงายขึ้นมาแล้วเจ้ามือได้แต้มไม่ถึง 21 แต้ม เกมก็จะยังคงเล่นต่อไป

4. และกรณีที่ได้แต้มเสมอกัน ผู้เล่นก็จะได้รับเงินเดิมพันของตัวเองคืน

blackjack

วิธีพื้นฐานในการเล่นไพ่แบล็คแจ็ค

1. เจ้ามือมีหน้าที่แจกไพ่ : โดยเจ้ามือจะเริ่มแจกไพ่ให้กับผู้เล่นคนละ 1 ใบก่อน

2. เจ้ามือแจกไพ่ให้กับตัวเอง : เมื่อแจกไพ่ให้ผู้เล่นแล้ว ต่อมาเจ้ามือก็จะเริ่มแจกไม่ไพ่ให้กับตัวเอง 1 ใบ แล้วจึงวนแจกไพ่ใบที่ 2 ให้กับผู้เล่นอีกคนละ 1 ใบ รวมแล้วตอนนี้ผู้เล่นทุกคนจะต้องมีไพ่คนละ 2 ใบอยู่ในมือ (ไพ่ของผู้เล่นจะต้องอยู่ในตำแหน่งคว่ำเสมอ แต่ส่วนของเจ้ามือไพ่ 1 ใบจะหงาย และอีก 1 ใบจะคว่ำไว้ก่อน)

3. ผู้เล่นเรียกไพ่เพิ่ม : หลังจากผู้เล่นดูไพ่ของตัวเองแล้ว หากยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับแต้มที่ได้รับ ก็สามารถร้องขอไพ่จากเจ้ามือเพิ่มได้ตามต้องการจนกว่าจะได้แต้มไพ่รวมทั้งหมดที่ 21 แต้ม

4. เจ้ามือจะเปิดไพ่ใบแรกของตัวเอง : ลำดับต่อมาเจ้ามือจะเปิดไพ่ใบแรกของตัวเองให้สมาชิกผู้เล่นคนอื่นได้เห็นเพียงแค่ 1 ใบเท่านั้น ส่วนอีก 1 ใบเจ้ามือจะคว่ำไว้ก่อน รอจนกว่าผู้เล่นในวงจะเรียกขอไพ่เพิ่มจนครบที่ต้องการ

5. เจ้ามือ จั่วไพ่ : เมื่อผู้เล่นขอจั่วไพ่จนครบและได้แต้มรวมตามที่ต้องการหมดแล้ว เจ้ามือถึงจะทำการเปิดไพ่ของตัวเอง รวมทั้งจั่วไพ่เพิ่ม ซึ่งเงื่อนไขของเจ้ามือก็คือ เจ้ามือจะสามารถเรียกไพ่เพิ่มได้จนกว่าจะได้แต้มเท่ากับ 17 แต้มถึงจะหยุดจั่วไพ่เพิ่ม หรือเข้าใจได้แบบสั้น ๆ ก็คือ แต้มต่ำสุดของเจ้ามือจะเท่ากับ 17 แต้มนั่นเอง

  • กติกาสำคัญของแบล็คแจ็ค คือ เจ้ามือจะสามารถเรียกไพ่เพิ่มให้ได้แต้มถึง 17 เป็นอย่างต่ำ หากว่าผู้เล่นได้แต้ม ตั้งแต่ 16 ลงมา เท่ากับว่าแพ้เจ้ามือ
  • แต่ทว่าผู้เล่นพอใจที่จะได้ 16 แต้ม ก็สามารถหยุดจั่วเพิ่มได้ แล้วเสี่ยงดูว่าเจ้ามือจะได้แต้มเกิน 21 หรือไม่ เพราะหากเจ้ามือได้เกินผู้เล่นก็จะเป็นฝ่ายชนะ

blackjack เล่นยังไง

จะเห็นได้ว่าการเล่นไพ่แบล็คแจ็คไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน เท่าไหร่ แค่คุณต้องศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียด คุณก็สามารถลงสนามไปเล่นสู้วัดดวงกับเจ้ามือได้เลย

บทความอื่นๆ

แชร์บทความของเรา

Facebook
Twitter
Pinterest

เว็บไซต์แนะนำ

♣   LOTTOVIP.LINK

♣   1000LOTTO.LINK

♣   MAWINBET

♣   HUAY.COM

♣   LOT9999

♣   JETSADABET.COM

♣   MARKET-LOTTO9

♣   LOTTO 8 GOLD.COM

♣   999LUCKY.COM

♣   SIAMLOTTO.NET

♣  SAGAME

♣   FIFAGOALCLUB

♣  Ufaweb

♣  W88

♣  M88

♣  188bet

♣  Letou

♣  Alpha88

♣  RB88

♣  HappyLuke

♣    SAGAME.LINK

♣    FIFAGOALCLUB CASINO

♣    FUN88

♣    UFAWEB CASINO

♣    GOLDENSLOT

♣    HAPPYLUKE

♣    DAFABET

♣   ROYAL1688

♣    G CLUB คาสิโนออนไลน์

♣   M88

⊗   FIFAGOALCLUB.COM

⊗   UFAWEB.LINK

⊗   FUN88.CASH

⊗   TSOVER

⊗   W88TH.COM

⊗   M88TH.COM

⊗   VEGUS24HR.COM

⊗   DATABET88.COM

⊗   SBOBET.CA

⊗   MAXBET.CO